ชวนดีพเทคสตาร์ตอัปจับคู่อุตสาหกรรมสู่เทคโนขั้นสูง
วันจันทร์ ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567
การดู : 59
แชร์ :
NIA – สภาอุตสาหกรรม ดึง 11 ดีพเทคสตาร์ตอัปร่วมจับคู่นวัตกรรม กับสมาชิก FTI 11,000 ราย พลิกโฉม ธุรกิจ ระบบผลิต และบริการ เข้าถึงเทคโนโลยีเชิงลึก นำร่องครั้งแรกนิคมฯ อยุธยา
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) เครือข่ายพันธมิตรทั้งภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และนักลงทุน เปิดตัว 11 ดีพเทคสตาร์ตอัป (สตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก)ที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกสู่การขยายตลาด หรือ FTI DeepTech Startup Connext 2024 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาให้ภาคอุตสาหกรรม
ข่าวแจ้งว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ขยายการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของสตาร์ตอัปไปสู่ภูมิภาค โดยจัดงาน FTI Matching Day ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ มีนิคมอุตสาหกรรมและภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยจะได้พบกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปี 2023 – 2024 มากกว่า 20 ราย กำหนดจัดขึ้นวันที่ 30 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 - 12.00 น. ที่โรงแรมคลาสสิค คามิโอ พระนครศรีอยุธยา ลงทะเบียนเข้าร่วมงานที่ https://url.fti.or.th/l/n6TzIHBvS
ภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่สนใจจับคู่ธุรกิจและทดสอบการใช้งานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ โทร 091-541 5542 (สิรพัฒน์) อีเมล sirapat@nia.or.th และ โทร. 092-263 5600 (ศิริภัสร์) irdi.matchingcenter@gmail.com
ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผอ.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ ดำเนินโครงการส่งเสริมสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกสู่การขยายตลาด เป็นปีที่ 2 คัดเลือกสตาร์ตอัปที่มีความสามารถพร้อมแก้ปัญหาให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และอินเทอร์เน็ตสำหรับสรรพสิ่ง(IoT) เทคโนโลยีหุ่นยนต์และโดรน วัสดุใหม่ นาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีชีวภาพ ช่วยสร้างโอกาสการจับคู่ ร่วมมือทางธุรกิจกับภาคอุตสาหกรรมของไทย ให้เกิดการทดสอบใช้งานเป็นต้นแบบระดับอุตสาหกรรม ผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา สร้างยอดขายให้กับสตาร์ตอัปที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 300 ล้านบาท นับเป็นการพัฒนาศักยภาพสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกให้มีความพร้อม เพิ่มผู้ใช้งาน และขยายการใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดีพเทคสตาร์ตอัป เป็นรูปแบบธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก บนพื้นฐานการวิจัยขั้นสูงช่วยสร้างให้เกิดตลาดใหม่ เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นส่วนใหญ่จะได้รับการปกป้องด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญายากต่อการลอกเลียน จึงได้เปรียบทางการแข่งขันหรือเป็นอุปสรรคต่อคู่แข่ง
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม กล่าวว่าได้ร่วมมือกับ NIA สร้างสะพานเชื่อมระหว่างสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ให้มีช่องทางขยายการใช้งานสู่ภาคอุตสาหกรรม สมาชิก FTI มากกว่า 11,000 ราย และภาคธุรกิจอื่น ๆ โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตร ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท วาย แอนด์ อาร์เชอร์ จำกัด ประเทศเกาหลี และบริษัทสมาชิกจากสถาบันนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม ที่ร่วมกันคัดเลือก พัฒน ให้คำแนะนำกับสตาร์ตอัปให้สามารถปรับกลยุทธ์ด้านการสร้างตลาด เตรียมข้อมูลเสนอลูกค้า การเจรจาต่อรอง รวมถึงเทคนิคทดสอบการใช้งานลูกค้า แหล่งเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
มีสตาร์ตอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกจำนวน 11 ราย ที่ได้รับการคัดเลือก
๐ ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน ได้แก่ 1. AltoTech Global: แพลตฟอร์มวิเคราะห์ ตรวจสอบ และจัดการการใช้พลังงานภายในอาคารด้วย AIoT 2. Green EMS: ระบบบริหารจัดการพลังงานสีเขียว ด้วยการจัดการพลังงานแบบกระจายศูนย์ในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 3. Thilium: ฉนวนและสีทาอาคารประหยัดพลังงานด้วยซิลิกาแอโรเจล
๐ ด้านระบบบริหารจัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ได้แก่ 4. iCube: แพลตฟอร์มการบริหารจัดการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างโมเดลในการพยากรณ์ข้อมูลๆต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรมด้วย Generative AI
๐ ระบบบำรุงรักษาเครื่องจักรเชิงคาดการณ์เพื่อลดความเสียหายของเครื่องจักร ได้แก่ 5. Cleantech & Beyond: ฉลากอัจฉริยะสำหรับการตรวจสอบความร้อนของเครื่องจักรในงานบำรุงรักษาเชิงป้องกันด้วย Digital Temperature Indicator 6. Zycoda: ระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงแบบครบวงจรด้วย anomaly detection algorithm AI และ ML
๐ ระบบบำบัดน้ำเสียประสิทธิภาพสูง ได้แก่ 7. Wonder Bubble: ระบบบำบัดน้ำเสียใช้เทคโนโลยีชีวภาพร่วมกับการใช้ Micro-nano bubble ช่วยลดการใช้พลังงาน ช่วยลดกลิ่นเหม็น ช่วยย่อยสลายตะกอนและไขมัน
๐ การเปลี่ยนกลิ่นเป็นดิจิทัลที่ตรวจวัดได้ ได้แก่ 8. ENVI SENSE: สถานีตรวจวัดกลิ่นและคุณภาพอากาศแบบออนไลน์ และบริการตรวจวัดกลิ่นรบกวน
๐ การเพิ่มประสิทธิภาพงานทรัพยากรบุคคลและการทำงาน 9. Job Solution: ระบบสัมภาษณ์งานออนไลน์และประเมินสมรรถนะของผู้สมัครงานด้วยเทคโนโลยี AI 10. Dynamic Intelligence Asia: ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าและสามารถจำแนกเอกลักษณ์ของมนุษย์แต่ละบุคคลได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการรักษาความปลอดภัย
๐ สารเติมแต่งคุณภาพสูง ได้แก่ 11. Ecoguard plus: ระบบอนุภาคนาโนกักเก็บสารเอทิลลออยล์อาร์จิเนตเป็นสารกันเสียทางเลือกใหม่ในอุสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง
ข่าวอัพเดท