EnPATหม้อแปลงน้ำมันปาล์มนำร่องในกรุงเทพ

วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568

การดู : 14

EnPATหม้อแปลงน้ำมันปาล์มนำร่องในกรุงเทพ

แชร์ :

จากสวนปาล์มสู่มหานคร EnPAT หม้อแปลงไฟฟ้าน้ำมันปาล์มนำร่องใช้งานจริงในกรุงเทพฯ รองผู้ว่าฯทวิดา กมลเวช หวังลดเหตุช็อตเพลิงไหม้

นายดิเรก บุญปิยทัศน์ รองผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แถลงข่าวการใช้ EnPAT (Environmentally-friendly Palm oil-based And Transformer oil) น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าปลอดภัยจากปาล์มน้ำมันไทยในระบบไฟฟ้าสังคมเมือง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568) ที่สำนักงานใหญ่ การไฟฟ้านครหลวง คลองเตย

นายดิเรกกล่าวว่า กฟน.ร่วมพัฒนา EnPAT กับ สวทช.และพันธมิตร ตั้งแต่ต้นจนถึงการนำร่องใช้งานหม้อแปลงบรรจุ EnPAT เครื่องแรกในระบบ พื้นที่การไฟฟ้าเขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 โดย EnPAT สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero ในปี ค.ศ.2050 และวิสัยทัศน์ไฟฟ้าสีเขียว (Green Electricity) ของ กฟน. เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจเข้าถึงไฟฟ้าสะอาดและมั่นคง ซึ่งไม่ใช่เพียงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ การผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง Green Data Center ในภูมิภาคที่ต้องการไฟฟ้าสะอาด มีเสถียรภาพ  EnPAT ยังต่อยอดอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันไทย สร้างรายได้มั่นคงให้เกษตรกรกว่าสี่แสนครัวเรือน เป็นต้นแบบการขยายสู่หม้อแปลงในพื้นที่สำคัญอื่น ๆ สร้างมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยและยั่งยืน

ดร.บุญญาวัณย์ อยู่สุข หัวหน้าทีมพัฒนา EnPAT และหัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเชื้อเพลิงสะอาดและเคมีขั้นสูง กลุ่มวิจัยพลังงานคาร์บอนต่ำ ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการต่อยอดหลังจากเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ได้ติดตั้งหม้อแปลง EnPAT เครื่องแรกของประเทศ ร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้จ่ายไฟมาแล้วกว่า 1 ปี 8 เดือน นอกจากนี้ กำลังก้าวสู่ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT ติดตั้งในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เขื่อนสิรินธร ในอนาคตอันใกล้จะนำร่องใช้เพิ่มเติมอีก3กิจกรรม ได้แก่ 1. ใช้งานในหม้อแปลงแกนเหล็ก Amorphous 2.ใช้งานในหม้อแปลงเครื่องมือวัด 3. ใช้งานทดแทนน้ำมันแร่ในการซ่อมบำรุงหม้อแปลง และมีแผนส่งเสริมผู้ผลิตหม้อแปลงสัญชาติไทยทั้งด้านเทคนิค ความเชี่ยวชาญการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPAT โดยร่วมกับบริษัทผลิตหม้อแปลงต่าง ๆ เพื่อสร้างความพร้อมของห่วงโซ่อุปทาน รองรับความต้องการเชิงพาณิชย์ในอนาคต โดยความต้องการจากหน่วยงานภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

ดร.บุญญาวัณย์ กล่าวอีกว่า กฟน. ได้สนับสนุนงานวิจัยจนนำร่องใช้หม้อแปลงไฟฟ้าบรรจุ EnPATชนิด 3 เฟส ขนาด 150 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) ในระบบ 24 กิโลโวลต์ (kV)ที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และว่าEnPAT เป็นแนวทางหนึ่งในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของระบบไฟฟ้า ส่งเสริมไฟฟ้าสีเขียว ตามเป้าหมาย Net Zero และศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลสีเขียวในภูมิภาค  EnPAT จึงไม่ช่เพียงน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ แต่คือความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย

“น้ำมันปาล์ม มีความหนืดกว่าน้ำมันแร่ แต่ก็ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสำหรับบรรจุในหม้อแปลงที่การไฟฟ้ากำหนด และไม่มีผลต่อประสิทธิภาพ ส่วนน้ำมันก็ใช้ที่พื้นที่ผลิตในประเทศในแหล่งที่ไม่มีปัญหาการบุกรุกป่า”

ดร.สุมิตรา จรสโรจน์กุล ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) สวทช. กล่าวว่าโครงการนี้เป็นบทใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานไทย เชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มไปจนถึงระบบไฟฟ้าในเมืองหลวง เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีให้ผลักดันการเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมัน ENTEC จึงพัฒนาน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ (ENPAT) ตามกลยุทธ์ของ สวทช.

การใช้งาน EnPAT  การผลักดันให้เกิดการผลิต การใช้งานเชิงพาณิชย์  จะนำไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าสูง สร้างความมั่นใจกับภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ความต้องการจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ นอกจากช่วยยกระดับอุตสาหกรรมหม้อแปลงชีวภาพของไทย ยังเป็นการกระจายรายได้สู่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันกว่า 4 แสนครัวเรือน ทั้งนี้ บทบาทเชิงรุกของ กฟน. กฟภ. และ กฟผ. ในการใช้งานจริง การกำหนดนโยบายสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะสร้างความต้องการที่ชัดเจน

โครงการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

รศ. ดร.ทวิดา กมลเวช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การนำร่องใช้งาน EnPAT ในแขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกรุงเทพฯ ในการยกระดับความปลอดภัยของระบบสาธารณูปโภค ส่งเสริมนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  ในปี 2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม มีเหตุอัคคีภัย 3,443 ครั้ง จากไฟฟ้าลัดวงจร 1,243 ครั้ง น้ำมัน EnPAT มีจุดเด่นที่จุดติดไฟสูงกว่าน้ำมันหม้อแปลงทั่วไป ทำให้การติดไฟเกิดได้ยาก ลดความเสี่ยงอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์หม้อแปลงระเบิดในชุมชน  หากเกิดรั่วไหล น้ำมันชนิดนี้ยังย่อยสลายได้ง่าย ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเป็นการป้องกันเชิงรุกที่ได้ทั้งความปลอดภัยและความยั่งยืนในเมืองหลวง  ขอชื่นชมทีมวิจัยจาก สวทช. และ กฟน. รวมถึงทุกภาคส่วนที่ร่วมกันผลักดันนวัตกรรมนี้สู่การใช้งานจริง กทม. เห็นความสำคัญของการขยาย EnPAT ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนนวัตกรรมนี้ให้เกิดผลในระดับประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและอนาคตของบ้านเมือง

 

# EnPAT

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง