ทัศศาปันกันงานวิจัยพัฒนาโคมล้านนาเป็นธุรกิจ LE

วันจันทร์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568

การดู : 30

ทัศศาปันกันงานวิจัยพัฒนาโคมล้านนาเป็นธุรกิจ LE

แชร์ :

ทัศศาปันกัน งานวิจัยเพิ่มมูลค่าโคมล้านนา พัฒนาผู้ประกอบการพื้นที่(LE) ปรับวิถีจากทำขายปีละ 3 เดือน เป็นขายได้ตลอดปี ปรับรูปแบบ เชื่อมโยงกับวัดและทำโคมประดับโรงแรม บริการถวายโคมออนไลน์  ต่อยอดสู่มสิติการศึกษา ถ่ายทอดให้เด็กได้เรียนรู้การปฏิบัติจริง สร้างรายได้ถึงโรงเรียน

 

ผศ.ดร. สุบัน พรเวียง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โคมล้านนา สำหรับผู้ประกอบการในตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2 ร่วมกับ กรอบการวิจัยการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprises=LE) บนฐานทรัพยากรพื้นถิ่น สร้างเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า ปากท้องของผู้คนเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาในทุกมิติ สิ่งสำคัญคือการพลิกสิ่งที่เป็นอาชีพ หรือวิถีเดิมที่ทำอยู่ให้เป็นเทรนด์ใหม่และเกิดการปรับตัวโดยใช้ฐานทุนที่มี โครงการนี้ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการทำโคมประเพณีในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลท่าศาลา เนื่องจากโคมมีความเกี่ยวโยงกับวัฒนธรรม ความศรัทธา และวิถีชีวิตดั้งเดิม เป็นการยกระดับอาชีพนี้ให้หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในห่วงโซ่การทำโคมให้อยู่รอดได้ในสังคมเมืองที่โตเร็ว มีความเหลื่อมล้ำสูง ทั้งยังเป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ไปพร้อมกันด้วย

รูปแบบอาชีพเดิม ๆ ที่ทำอยู่ โดยเฉพาะการทำมากได้น้อย ก็เปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาให้เป็นการทำน้อยแต่ได้มากขึ้น โดยแก้ Pain Point  3 ด้าน คือ ศักยภาพของผู้ประกอบการ คุณภาพผลิตภัณฑ์ และการตลาดในรูปแบบใหม่ เนื่องจาก 

ผู้ประกอบการมีรายได้จากการทำโคมเพียง 3 เดือนต่อปี คือเทศกาลลอยกระทงช่วงประเพณียี่เป็ง หรือประเพณีเดือนยี่ เป้าหมายของโครงการ ให้ผู้ประกอบการสร้างรายได้จากโคมตลอดทั้งปี โดยร่วมมือกับวัด 5 แห่งในเมืองเชียงใหม่ ได้แก่ วัดดอนจั่น วัดยางกวง วัดล่ามช้าง วัดศรีดอนไชย และวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ ออกแบบโคมมงคลขึ้นใหม่จากอัตลักษณ์ดั้งเดิมของแต่ละวัด ทั้งรูปแบบ/รูปทรง ลวดลาย วัสดุ สีสัน การให้คุณค่าความหมาย จัดพื้นที่ภายในวัดให้มีซุ้มบูชา แขวนโคมมงคล สำหรับให้นักท่องเที่ยวหรือผู้มีจิตศรัทธาร่วมบูชาโคมมงคลที่วัดได้ตลอดทั้งปี

พัฒนาบริษัท ทัศศา ปันกัน เป็นข้อต่อระหว่างผู้ประกอบการ ค้นหา Demand - Supply ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค ทำหน้าที่ 2 ส่วนคือ ดูแลความต้องการของผู้ซื้อเชื่อมโยงกับทั้ง 5 วัด ดูแลการผลิตโคมให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนดร่วมกันหรือตามที่ออกแบบไว้ รูปแบบของโคมมงคลที่ออกแบบร่วมกับแต่ละวัดนั้นจะแตกต่างกันไป บริษัท ทัศศา ปันกัน จะกระจายออเดอร์การผลิตไปยังผู้ประกอบการให้ทั่วถึงตามความสามารถของแต่ละชุมชนเพื่อสร้างดุลการค้าและลดการแข่งขันในพื้นที่ พร้อมทั้งจัดสรรออเดอร์การผลิตส่วนหนึ่งไปยังโรงเรียนเครือข่าย ผู้มีจิตศรัทธายังฝากถวายหรือบูชาโคมมงคลกับทัศศาทางออนไลน์ ได้ที่ Facebook: ทัศศา – Tassa ตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีทีมงานทัศศาทำหน้าที่ตัวแทนนำโคมมงคลไปแขวนยังวัดต่าง ๆ นอกจากนั้นทัศศายังเชื่อมโยงตลาดใหม่ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการโคม เชื่อมโยงกับธุรกิจโรงแรม อาทิ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ และโรงแรมอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเข้าพัก ทั้งรับทำโคมประดับโรงแรมโดยทัศศาร่วมออกแบบตามความต้องการของลูกค้า นำเทคนิควิธีการทำมาถ่ายทอดให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิตในชุมชนต่อไป

ผศ.ดร. สุบัน กล่าวอีกว่า เดิมการทำโคมประเพณีส่งพ่อค้าคนกลางได้ใบละ 7 บาท เมื่อเริ่มทำโคมมงคลกับทัศศา ก็เพิ่มมูลค่าของโคมเป็นลูกละ 99 หรือ 100 กว่าบาท ทำให้รายได้โดยรวมของผู้ประกอบการเพิ่ม 3 - 4 เท่าต่อวัน รายได้ที่เพิ่มขึ้น กลับไปหาคนในห่วงโซ่การผลิตต่าง ๆ ในชุมชน อาทิ คนทำโครงไม้ ย้อมสี ติดกระดาษ ปักผ้า สกรีนลาย ต่อหางร้อยลูกปัด และขั้นตอนอื่น ๆ ในการผลิตโคม

นางสาวศิริรักษ์ คันธวงค์ รองประธานวิสาหกิจชุมชนสินค้าพื้นถิ่นตำบลท่าศาลา กล่าวว่า เมื่อรับออเดอร์โคมมงคลจากทัศศา ก็จะแจกงานไปยังผู้ผลิตในกระบวนการต่าง ๆ ตามความสามารถเพื่อกระจายรายได้ เราทำโคมกันมานานตั้งแต่รุ่นก่อน ๆ  แต่ก็ไม่เคยรวมกลุ่มได้เพราะรายได้น้อย คนทำเยอะ ต่างก็แข่งขันกันเอง รวมคนไม่ได้ ไม่ได้รับความเชื่อถือ ไม่เคยคิดเรื่องต้นทุนหรือค่าแรง แม้จะทำทุกวัน ทำเยอะมาก แต่เงินที่ได้ไม่เพียงพอ ปัจจุบันมีคนสนใจมาทำงานร่วมกับกลุ่มเรามากขึ้น กระจายรายได้ออกไปนอกชุมชนท่าศาลาถึงหมู่บ้านข้างเคียง และหมู่บ้านที่เป็นผู้ผลิตต้นน้ำ เช่น การซื้อไม้มาทำโครงของโคม หรือการซื้อกระดาษ เป็นต้น

การผลิตโคมกับทัศศาทั้ง 5 แบบ เป็นโคมรูปแบบใหม่ ใช้วัสดุและรูปทรงแตกต่างกันไป ทำให้กลุ่มได้พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล วางแผนการผลิต กระจายงาน แบ่งปันเทคนิค ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ไปด้วยกัน เป็นการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ ทำงาน เป็น Teamwork ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน สิ่งที่ตามมาคือมิติสุขภาพ จากการทำงานร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์กันในบางกิจกรรมหรือบางขั้นตอนของการผลิตโคมช่วยลดความเครียด ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยลดช่องว่างความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุและลูกหลานได้ เพราะบางครั้งก็จะจัดกิจกรรมหลักสูตรการผลิตโคมมงคลให้กับเด็กและเยาวชนหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจโดยมีผู้สูงอายุในชุมชนเป็นครูภูมิปัญญา เชื่อว่าหากโมเดลของการเรียนรู้ผ่านวิถีชีวิตและอาชีพนี้ขยายไปยังพื้นที่ชุมชนอื่น ๆ ได้ก็จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้

โครงการนี้ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำในมิติการศึกษา เนื่องจากการทำงานเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม โดยต่อยอดความร่วมมือกับโรงเรียนเครือข่ายของวัดทั้ง 5 แห่ง ที่พร้อมนำหลักสูตรการเรียนรู้ไปใช้ เช่น โรงเรียนวัดศรีดอนไชย โรงเรียนวัดวังสิงห์คำ โรงเรียนวัดดอนจั่น และโรงเรียนวัดป่าแดด เป็นต้น โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนและครู สนับสนุนนจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นจัดการร่วมในการเรียนรู้ของนักเรียน ในลักษณะของยุวทัศศา ปันกัน เป็นการจำลองบริษัทเล็ก ๆ ในโรงเรียนเปิดพื้นที่และโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริงในโมเดลการทำธุรกิจชุมชนจากการทำโคมมงคลกับทัศศา โดยเด็ก ๆ จะเรียนรู้จริงผ่านโครงสร้างการทำงานโดยมีผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ อาทิ ฝ่ายเหรัญญิกดูแลรายรับ-จ่าย ฝ่ายดูแลคำสั่งซื้อจากทัศศา ฝ่ายตรวจสอบคุณภาพ และฝ่ายออกแบบ เป็นต้น ซึ่งรายได้จากการทำโคมของนักเรียนที่เข้าร่วมกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับการจัดสรรของแต่ละโรงเรียน ซึ่งบางแห่งอาจเข้ากลุ่มในรูปแบบทุนการศึกษาสำหรับเด็ก ๆ

 

 

 #บูชาโคมมงคล  #ทัศศา ปันกัน  # Facebook: ทัศศา – Tassa

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง