สวทช.เปิด 10 เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจ
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568
การดู : 38

แชร์ :
สุดทึ่งกับเทคโนโลยี ‘แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่’ ออกแบบแอนติบอดีให้มี ‘แขนสองข้างต่างกัน’ ดึงเซลล์ภูมิคุ้มกันจัดการมะเร็งตรงเป้าหมาย พัฒนาเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวแล้ว ภาคเกษตรปรับปรุงพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทนได้ 70% สายAI ช่วยเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมและการแพทย์-ดูแลสุขภาพคนทั่วโลก
ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บรรยายหัวข้อ10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง ในงานThailand Tech Show 2025 มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรม จัดโดย สวทช. ส่วนหนึ่งของงานอว. Fair 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 สิงหาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ศ. ดร.ชูกิจ กล่าวว่า เทคโนโลยีที่คัดเลือก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีหุ่นยนต์, AI และการเข้ารหัส เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพและการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
- ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ (Turquoise Hydrogen) กระบวนการผลิตไฮโดรเจนที่น่าจับตา เหมาะกับประเทศไทย ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และได้ไฮโดรเจนจากก๊าซผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่มี คือระบบท่อก๊าซ โดยนำก๊าซธรรมชาติมาแยกสลายด้วยความร้อน ได้ไฮโดรเจนที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดผลพลอยได้เป็นผงคาร์บอนที่นำไปใช้ต่อได้อีก ใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ปัจจุบันไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ก้าวหน้าไปมาก เช่น บริษัท Monolith ในสหรัฐอเมริกาผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาความร้อนสูง ได้ไฮโดรเจนและผงคาร์บอนปริมาณสูง ลดก๊าซเรือนกระจกถึงร้อยละ 99
2. เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel) อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงทั่วโลกราว 7% สูงที่สุดในอุตสาหกรรมหนักทั้งหมด จึงมีแนวคิดการผลิตเหล็กกล้าสีเขียวหรือเหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel) ผลิตโดยใช้กระบวนการและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได- ออกไซด์ เปลี่ยนการผลิตแบบดั้งเดิม ที่ใช้เตาหลอมสู่กระบวนการแบบใหม่ “DRI-EAF (Direct Reduce Iron–Electric Arc Furnace)” นำพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวผลิตเหล็กพรุน จากนั้นนำมาหลอมรวมกับเศษเหล็กในเตาหลอมไฟฟ้าระบบอาร์ก (Electric Arc Furnace: EAF) จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตจนได้เหล็กกล้าปลอดฟอสซิล ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อการผลิตเหล็ก 1 ตัน จาก 2,300 กิโลกรัม เหลือ 200-600 กิโลกรัม
3. เทคโนโลยีพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทน (Low Fumarate, High Ethanol or LFHE Eco-friendly Rice) การปลูกข้าวเป็นกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในภาคการเกษตร ประเทศไทยส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน แต่ทำได้เฉพาะนาชลประทาน การพัฒนาพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทน ใช้ได้ทั้งนาน้ำฝนและนาชลประทาน คุณสมบัติสำคัญคือ รากผลิตเอทานอลปริมาณมาก ผลิตฟูมาเรตแหล่งอาหารของแบคทีเรียที่สร้างมีเทนได้น้อยลง ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตไม่ดี จึงปล่อยมีเทนน้อยกว่าข้าวปกติ ปัจจุบันประเทศจีนพัฒนาพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทนจากข้าวสายพันธุ์ “Heijing (เฮจิง)” ลดการปล่อยก๊าซมีเทนได้สูงถึงร้อยละ 70 และให้ผลผลิตสูงถึง 1.4 ตันต่อไร่ ข้าวลดการปล่อยมีเทนมีจุดเด่น ต้นทุนการผลิตต่ำ ขยายผลสู่เกษตรกรได้จริง ตอบโจทย์เชิงนโยบายและการตลาดไปพร้อมกัน ด้วยการแสดงข้อมูลสิ่งแวดล้อมสำหรับตลาดพรีเมียม
สวทช. มีองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการพัฒนาพันธุ์ข้าว เป็นศูนย์กลางการใช้เทคโนโลยี Marker Assisted Selection ระดับประเทศและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง พร้อมพัฒนาพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทนร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร
4. หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ (Humanoid Robot) หรือ หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ เดินสองขา หยิบจับสิ่งของแม่นยำ เรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมจากการฝึกฝนในโลกเสมือน มีรูปลักษณ์ที่เป็นมิตร ปัจจุบันมีการพัฒนาไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ Optimus ของบริษัท Tesla ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต, หุ่นยนต์ Atlas ของบริษัท Boston Dynamics ใช้ในสภาพแวดล้อมอันตรายและภัยพิบัติ และ หุ่นยนต์ Unitree G1 ของบริษัท Unitree Robotics เป็นฮิวแมนอยด์ที่เหมือนเป็นร่างอวตารของ AI มีความยืดหยุ่นเหนือระดับคนทั่วไป และเคลื่อนไหวได้แบบไร้ขีดจำกัด
5. ปัญญาประดิษฐ์ที่รู้คิดและตัดสินใจได้เอง (Agentic AI) เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเอง วางแผนดำเนินงาน ปฏิบัติงานมุ่งเป้าตัดสินใจเองได้ เรียนรู้และปรับปรุงการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย ปัจจุบันมีทิศทางการพัฒนาไปสู่การสร้างระบบนิเวศของ AI ที่ซับซ้อนและทำงานร่วมกันได้มากขึ้นด้วยระบบหลายตัวแทน นำไปประยุกต์ใช้ในแวดวงการเงินและการธนาคาร เช่น บริษัท Finnomena ใช้ AI Agent คัดกรองอีเมลจากพันธมิตรทางธุรกิจ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งต่อไปยังนักลงทุน ตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ ประเทศจีนนำ AI Agent จำลองบทบาทนักเรียนที่มีบุคลิก ลักษณะนิสัย และความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อฝึกสอนครู สวทช. มีงานวิจัย Agentic AI ที่ใช้ช่วยเหลือคนพิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ประยุกต์ใช้สร้างคำบรรยายแทนเสียงแบบอัตโนมัติ ช่วยคนหูหนวกเข้าถึงข้อมูลด้วยการอ่านข้อความแทนการฟังเสียง
6. การเข้ารหัสลับหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography: PQC) ควอนตัมไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น แต่เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนกฎของการคำนวณ ถอดรหัสข้อมูลที่เคยปลอดภัยได้ในเวลาอันสั้น ภัยคุกคามที่น่ากังวล คือผู้ไม่หวังดีอาจดักเก็บข้อมูลที่เข้ารหัส แล้วรอถอดรหัสในวันที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมพร้อมใช้งาน เทคโนโลยีการเข้ารหัสลับหลังยุคควอนตัม เป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เป็นการสร้างกุญแจที่ถอดรหัสยากขึ้นสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIST) เป็นผู้กำหนดมาตรฐานอัลกอริทึม PQC ป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ตัวอย่างบริการแบบนี้ในตลาดโลก เช่น Amazon Web Services (AWS), IBM Quantum Safe, Google Cloud ที่ได้นำลายมือชื่อดิจิทัลที่ทนทานต่อควอนตัมมาใช้
7. อุปกรณ์อัจฉริยะฝังในร่างกาย (Smart Implants) นอกจากทำหน้าที่พื้นฐาน เช่น ทดแทนอวัยวะหรือช่วยการทำงานของอวัยวะบางส่วน ยังตรวจวัดสัญญาณชีพ ประมวลผล และส่งข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์ อุปกรณ์ประเภทนี้มักประกอบด้วยเซนเซอร์ขนาดเล็ก ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสื่อสารไร้สาย และอัลกอริทึม AI เพื่อดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ปัจจุบันมีการใช้งาน Smart Implants หลายรูปแบบ ได้แก่ อุปกรณ์กระตุ้นสมองส่วนลึกสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสันเพื่อควบคุมอาการสั่น บางรุ่นตรวจจับคลื่นสมองเพื่อปรับแรงกระตุ้นอัตโนมัติ อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องแบบฝังในผิวหนัง เช่น Eversense CGM ติดตามค่ากลูโคสได้ยาวนานถึง 365 วันโดยไม่ต้องเปลี่ยนเซนเซอร์บ่อย ๆ ประสาทหูเทียมอัจฉริยะ ส่งสัญญาณและปรับระดับเสียงได้ พร้อมด้วยหน่วยความจำสำหรับจัดเก็บข้อมูลการได้ยิน เช่น Cochlear Nucleus Nexa
8. เทคโนโลยีเอพิเจเนติกเพื่อการตรวจประเมินสุขภาพระดับเซลล์ (Epigenetic Technology for Cellular Health Assessment) เป็นเทคโนโลยีด้านการแพทย์ มีความก้าวหน้าอย่างมากล่วงรู้ถึงปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของยีน เปิดเผยความเสื่อมของร่างกาย ทำนายโรคได้แม่นยำ เช่น เทคโนโลยีเอพิเจเนติกที่ศึกษาการควบคุมการทำงานของยีนในร่างกาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับดีเอ็นเอ ด้วยวิธี นาฬิกาทางชีวภาพ วิเคราะห์รูปแบบการเติมหมู่เมทิล (Methyl Group) บนตำแหน่งจำเพาะของ DNA เพื่อดูว่ายีนนั้นมีการแสดงออกหรือไม่ ทำให้รู้อายุขัยที่ตรงตามความเป็นจริง มากกว่าการดูจากอายุตามปฏิทิน ตัวอย่าง บุคคลที่มีอายุ 35 ปี แต่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ เครียด ไม่ออกกำลังกาย ทำให้อายุชีวภาพที่แท้จริงของร่างกายเริ่มเสื่อมจนเท่ากับคนอายุ 45 ปี ช่วยให้วางแผนปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ปัจจุบันมีบริษัทให้บริการตรวจเอพิเจเนติกแก่บุคลทั่วไปในหลายประเทศ
9. เวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัย (Longevity Cosmeceuticals)ปัจจุบันการดูแลสุขภาพผิวและความงาม ไม่ได้จำกัดเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ให้ความสำคัญถึงสุขภาพที่ดีจากภายในเพื่อผลในระยะยาวด้วย เวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัยเป็นเทคโนโลยี แต่มีจุดเด่น ค้นหาสารออกฤทธิ์ที่แก้ปัญหากับกลไกหลักของความชรา โดยเฉพาะความชราของผิว ลดจำนวนเซลล์ชรา กระตุ้นการทำงานของยีนซ่อมแซมผิว ยืดอายุผิวออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เป็นการแก้ไขความชราในระดับเซลล์ ในต่างประเทศมีบริษัทที่ขยายตลาดทางด้านเวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัยแล้ว เช่น AstaReal และ Beiersdorf ในประเทศไทยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจพัฒนาเวชสำอางอยู่จำนวนหนึ่ง
สวทช. มีงานวิจัยด้านเวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัยร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ ด้วยแพลตฟอร์มสร้างนวัตกรรมสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรไทย มีบริษัทสตาร์ตอัปจากงานวิจัย เช่น Krono-Life ที่นำส่วนผสมของสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรไทย มาพัฒนาเป็นนวัตกรรมสารออกฤทธิ์ Zenolase และผลิตภัณฑ์ ZenoLase Evanesce Serum
10. แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody) เทคโนโลยีแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่กำลังได้รับการจับตาในฐานะเทคโนโลยีแห่งความหวังที่จะเข้ามาปฏิวัติการรักษามะเร็งแบบให้ผลแม่นยำและอาจส่งผลให้การติดเชื้อไวรัสอย่าง HIV หายขาดได้
ปกติแอนติบอดีในร่างกายจะมี แขนสองข้างที่เหมือนกัน ทำให้จับกับเป้าหมายบนผิวเซลล์เชื้อโรคได้เพียงชนิดเดียว แต่แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ เป็นการออกแบบให้มีแขนสองข้างที่แตกต่างกัน ทำหน้าที่จับกับเป้าหมายที่ต่างกัน 2 ชนิดในเวลาเดียวกัน ตัวอย่าง เช่น ทีเซลล์ เอนเกจเจอร์ (T cell Engager) เป็นการออกแบบแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ที่แขนข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์มะเร็ง และแขนอีกข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวทีเซลล์ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เสมือนดึงเซลล์ภูมิคุ้มกันเข้ามาใกล้เซลล์มะเร็งเป้าหมาย และช่วยให้ทำลายเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น เปรียบได้กับการสร้างสะพานให้กองกำลังทหารเข้าโจมตีผู้ร้ายได้ตรงจุด
ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้เริ่มใช้งานอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในกลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดและไขกระดูก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ยาบลินไซโต (Blincyto®) หรือ บลินาทูโมแมบ (Blinatumomab) เป็นแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน และขยายผลสู่การรักษาโรคมะเร็งชนิดก้อน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันต่อตนเอง ที่สำคัญคือการใช้รักษาโรคติดเชื้อ เช่น HIV
ศ.ดร.ชูกิจกล่าวว่า ทั้ง 10 เทคโนโลยีที่คัดเลือกมา เป็นข้อมูลให้นักธุรกิจเลือกลงทุนในเทคโนโลยีดาวรุ่งอย่างถูกต้อง โดยการสนับสนุนหน่วยงานวิจัยไทย เช่น สวทช. ที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ความรู้ และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่แน่ว่าเทคโนโลยีแบบใดแบบหนึ่งอาจจะเป็น Game Changer สำหรับประเทศก็เป็นได้ .
#10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง #อว. Fair 2025 #ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ #ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ # Green Steel #โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว #พันธุ์ข้าวลดมีเทน # Agentic AI
ข่าวอัพเดท

18-24 สิงหาคมนี้เที่ยวNARIT SCIENCE WEEK 2025
วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เปิดสูตรติวผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เล่นบอร์ดเกมกับคนแบงก์
วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

สวทช.เปิด 10 เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจ
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“แม่”คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในชีวิต อย่าลืมห่วงใยสุขภาพใน“วันแม่”
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ทุเรียนเจอพิษอากาศเปลี่ยนผลผลิตมูลค่าลดฮวบ
วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กรมวิทย์ฯบริการ เผย 3 รายการสอบเทียบแห่งเดียวในไทย
วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568
