บ้านปลามีชีวิตฟื้นทรัพยากรสัตว์น้ำฟื้นประมงพื้นบ้านทะเลสาบสงขลา
วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568
การดู : 168

แชร์ :
ทีมวิจัยคณะวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมดิจิทัล ม.ทักษิณ ร่วมกับชาวบ้านต่อยอดนวัตกรรมซั้ง จากบ้านปลาที่มีภาระต้องซ่อม เปลี่ยนวัสดธรรมชาติทุก 6 เดือน คนไม่เคารพกติกา มาสู่การทำบ้านปลามีชีวิต ปลูกไม้ชายเลนในคอกซั้งกอเติบโต ซ่อมตัวเองได้
“ซั้ง” ภูมิปัญญาชาวประมง นำวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่าย เช่น กิ่งและลำต้นของไม้ชายเลนมากองหรือผูกและทิ้งไว้ในทะเล ล่อให้สัตว์ทะเลเข้ามาใช้เป็นแหล่งหากิน หลบซ่อนตัว เพื่อใช้เครื่องมือประมงล้อมจับขึ้นมาขาย วันนี้ซั้ง พัฒนาเป็นเครื่องมือคืนความอุดมสมบูรณ์ให้ชุมชนประมงชายฝั่งหลายแห่ง ในชื่อบ้านปลา และต่อยอดพัฒนาเป็นบ้านปลามีชีวิต
ผลงานจากนวัตกรรมภูมิปัญญาของชุมชน ทำให้บ้านปลามีชีวิต ได้รับรางวัลระดับดีเด่นประเภทนวัตกรรม/เทคโนโลยีที่เหมาะสม ในงานชุมชนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ ปีที่ 2 และรางวัล SILVER MEDAL จากเวที "2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO" (KIDE 2024) เวทีประกวดนวัตกรรมระดับนานาขาติ ที่ไต้หวันอีกด้วย
ชุมชนชาวประมงในทะเลสาบสงขลา ใช้ซั้งเป็นบ้านปลาในเขตอนุรักษ์ห้ามจับสัตว์น้ำของชุมชน ส่วนใหญ่เป็น “ซั้งกอ” ใช้ลำไม้ไผ่ กั้นเป็นคอกสี่เหลี่ยมขนาด 4X4 เมตร นำกิ่งไม้ที่หาใด้ในชุมชน ทางปาล์ม ทางมะพร้าว กิ่งเสม็ด กิ่งลำพู มาใส่หรือปักไว้ในคอก ให้เป็นที่เกาะของสาหร่ายและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก รวมถึงแพลงก์ตอน อาหารของลูกปลาขนาดเล็ก บ้านปลาจึงเป็นแหล่งอาหารและที่หลบซ่อนตัวจากศัตรูตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำได้ในระยะยาว
“ก่อนทำบ้านปลาในทะเลสาบสงขลา น้ำหนักสัตว์น้ำ 0.3 กิโลกรัม แต่เมื่อทำบ้านปลาแล้ว น้ำหนักเพิ่มเป็น 0.72 กิโลกรัม คิดเป็นปริมาณปลาเพิ่มขึ้น 140 เปอร์เซ็นต์ ปลาที่อยู่โดยรอบบ้านปลา มีน้ำหนักเฉลี่ย 2.5 กิโลกรัม ปลานอกเขตบ้านปลาน้ำหนักเฉลี่ยเพียง 0.6 กิโลกรัม ชาวประมงในชุมชนที่ทำบ้านปลามีรายได้เพิ่มขึ้น จาก 16,000-24,000 บาทต่อเดือน เป็นเดือนละ 40,000-52,000 บาท” ผศ.ดร.เตือนตา ร่าหมาน คณะวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมดิจิทัล มหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำบริเวณบ้านปลา งานวิจัยการจัดการอนุรักษ์ปลาสามน้ำของชุมชนในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาอย่างมีส่วนร่วมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางสังคม มหาวิทยาลัยทักษิณ โดยการสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ให้ข้อมูล
แม้บ้านปลาจะเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ ชาวประมงรายได้มากขึ้น แต่ชุมชนในทะเลสาบสงขลาประสบความสำเร็จจากการทำบ้านปลากลับมีจำกัด เพราะวัสดุธรรมชาติที่ใช้ย่อยสลายได้ เป็นของที่ต้องซ่อมบำรุง เปลี่ยนกิ่งไม้ทุก 6 เดือน เป็นภาระหาคนมาทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ระยะแรกคนในชุมชนให้ความร่วมมือ แต่เมื่อปลามากขึ้น ก็มีการแอบจับ ไม่ยอมรับข้อตกลง คนที่อยากอนุรักษ์ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ ไม่มีกฎหมาย ไม่มีการวางแผนเรื่องรายรับรายจ่าย ขาดระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจน โดยเฉพาะต้นทุนการดูแลซ่อมแซม มีปัญหาต่าง ๆ ตามมา จนทำต่อไม่ได้
ปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยและชุมชนบ้านใหม่ หมู่ 1 ตำบลสทิ้งหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ได้ปิดจุดอ่อนของบ้านปลา เป็น”บ้านปลามีชีวิต” ซ่อมแซมตัวเองได้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งแข็งแรงมากขึ้น โดยเปลี่ยนกิ่งไม้ เป็นการปลูกต้นไม้ที่เติบโตได้ ทำให้บ้านปลามีชีวิต ด้วยวิธีวางท่อซีเมนต์หรือถังพลาสติกบรรจุดินเลนไว้ภายใน วางลงไปคอก นำต้นโกงกางที่เพาะไว้ ปลูกบนท่อหรือถังนั้น แทนการปักกิ่งไม้ เมื่อต้นโกงกางเติบโต มีรากค้ำจุนงอกจากด้านข้างลำต้น โค้งปักลงบนดินเลนโดยรอบท่อ ช่วยพยุงต้นโกงกางให้เติบโตอย่างมั่นคง สร้างระบบนิเวศของปลาตัวอ่อน ให้ทั้งอาหารและแหล่งหลบซ่อน จนกระทั่งโตพอออกไปหากิน แพร่พันธุ์ได้
น.ส.อุไรพรรณ หมอชื่น สมาชิกของกลุ่มอนุรักษ์ชายฝั่งและฟาร์มทะเลชุมชนบ้านใหม่ หมู่ที่ 1 ผู้คิดชื่อบ้านปลามีชีวิต กล่าวว่า การนำต้นโกงกางมาเป็นที่ให้ชีวิตกับสัตว์น้อยใหญ่ต่าง ๆ ในบ้านหลังนี้ ทั้งในน้ำและบนต้น ทำให้ชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น ทั้งอาชีพประมง รายได้จากการท่องเที่ยว การปลุกจิตสำนึกการอนุรักษ์ให้กับชุมชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน
“หลังจากทำบ้านปลามีชีวิต 4 เดือน ที่ชุมชนบ้านใหม่ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา พบว่าบริเวณที่ทำบ้านปลาและเขตอนุรักษ์ เจอปลา 9 ชนิด ขณะทีนอกเขตอนุรักษ์มีเพียง 2 ชนิด บริเวณบ้านปลามีชีวิตจับขึ้นมาชั่งจะได้ปลาหนัก 17.2 กิโลกรัม ส่วนที่จับบริเวณที่ไม่มีบ้านปลา ชั่งได้ 1.5 กิโลกรัม แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของบ้านปลาและเขตอนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี คำนวณ SROI (ผลตอบแทนทางสังคม) ของโครงการนี้เท่ากับ 5.72 คือ ลงทุน 1 บาท ได้ผลตอบแทน 5.72 บาท” ผศ.ดร.เตือนตา กล่าว
การดำเนินโครงการวิจัย ช่วงปี 2565-2566 ทำให้เกิดกองทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์ มีกิจกรรมต่อยอดการอนุรักษ์ต่าง ๆ ในชุมชนรอบทะเลสาบสงขลาที่เข้าร่วมโครงการ เกิดการเชื่อมต่อระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมงจังหวัด คอยกำกับดูแลการทำประมงไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในเขตอนุรักษ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง “บ้านปลา” หลายชุมชนจึงเป็นพื้นที่ฟูมฟัก เพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำได้จริง
ข่าวอัพเดท

18-24 สิงหาคมนี้เที่ยวNARIT SCIENCE WEEK 2025
วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เปิดสูตรติวผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เล่นบอร์ดเกมกับคนแบงก์
วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568

สวทช.เปิด 10 เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจ
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“แม่”คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในชีวิต อย่าลืมห่วงใยสุขภาพใน“วันแม่”
วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ทุเรียนเจอพิษอากาศเปลี่ยนผลผลิตมูลค่าลดฮวบ
วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กรมวิทย์ฯบริการ เผย 3 รายการสอบเทียบแห่งเดียวในไทย
วันอังคาร ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568
