ยกระดับชุมพรสู่การเป็นมหานครโรบัสต้า

วันพฤหัส ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568

การดู : 13

ยกระดับชุมพรสู่การเป็นมหานครโรบัสต้า

แชร์ :

บพท.ให้ทุนมทร.กรุงเทพ รุกแก้ปัญหากาแฟชุมพร ยกระดับคุณภาพตั้งแต่การเก็บ ตาก คั่ว ให้ได้มาตรฐาน มุ่งตลาดคาเฟ่ ก.ก.ละ 300-1,000 แทนการส่งเข้าโรงงาน กก.ละ 70 บาท 

 

 

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)   ได้สนับสนุนทุนให้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (มทร.กรุงเทพ)  ดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายชุมชนนวัตกรรม สร้างความเข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพของผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้าจังหวัดชุมพร กรอบวิจัยชุมชนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ เมื่อปี พ.ศ. 2567 

ก่อนหน้านั้น โครงการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านกาแฟที่จังหวัดชุมพรในปี 2566 พบว่ามีผู้ผลิตกาแฟจำนวนมากของจังหวัด ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้าไม่ได้มาตรฐานเบื้องต้นของตลาดโรงคั่วกาแฟ (ได้คะแนน Cupping Score มากกว่า 80 คะแนนขึ้นไป) สาเหตุจากการผลิตและแปรรูปเมล็ดกาแฟส่วนใหญ่ใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิม หรือใช้เทคโนโลยีไม่เหมาะสม 

ดร. เฟื่องฟ้ากาญจน์ ชูตระกูลวงศ์  หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวว่า ปัญหาการผลิตกาแฟหลายด้าน ตั้งแต่ไม่ได้เก็บเฉพาะเมล็ดกาแฟสุก  การตากบนพื้นไม้ เกิดการเจือปนได้ง่าย  การอบไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน เมล็ดกาแฟมีความชื้นไม่สม่ำเสมอ หากชื้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์มีโอกาสเกิดเชื้อรา หรือถ้าความชื้นน้อยเกินไปก็อาจแตก หักได้   ไม่มีคัดเมล็ดกาแฟตกเกรด ทั้งความชื้น, ขนาด, การแตกหัก และสี

“แผนวิจัยในโครงการคือ นำเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพมาถ่ายทอดกับกลุ่มผู้ปลูกที่ผ่านการคัดเลือกใน 4 นวัตกรรม ประกอบด้วย 1. ถังหมักกาแฟร่วมกับยีสต์ ได้เมล็ดกาแฟที่มีกลิ่นรสที่โดดเด่น ได้ราคาสูงขึ้น 2. ใช้ตู้อบพลังแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานไฟฟ้า ลดปัญหาปนเปื้อนจากการตากแบบเก่า 3. ใช้เครื่องคัดแยกสีเปลือกและขนาดเมล็ดกาแฟ  ทำให้ได้เมล็ดและแยกสีตามที่ตลาดต้องการ 4. ใช้เครื่องคั่วระบบลมร้อนอัตโนมัติ ได้ความร้อนที่สม่ำเสมอกว่าคั่วด้วยกระทะ  เมล็ดกาแฟมีความชื้นได้มาตรฐาน”

สำหรับขั้นตอนการทำงาน ทีมวิจัยร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพรให้ความรู้และอบรมการใช้เทคโนโลยีให้กับกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 7 รายจาก 5 อำเภอของจังหวัดชุมพร โดยคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกที่ตั้งใจจะผลิตกาแฟคุณภาพ  ออกแบบแผนทำงานร่วมกัน ลงพื้นที่ จัดอบรม สนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ มีเป้าหมายสร้างนวัตกรชุมชนที่มีทักษะในการรับ-ปรับ-ใช้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับกลุ่มผู้ปลูกกาแฟรายอื่น ๆ ในระยะต่อไป

ดร.เฟื่องฟ้ากาญจน์ กล่าวด้วยว่า ผลลัพธ์โครงการระยะ 1 ปี ทำให้เกษตรกรจำนวนหนึ่งผลิตกาแฟคุณภาพตามความต้องการผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟเพื่อส่งต่อให้กับร้านกาแฟต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม จากเดิมที่ต้องขายให้โรงงานผลิตกาแฟกึ่งสำเร็จรูปราคากิโลกรัมละ 70 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 300 บาท บางกลุ่มอาจได้มากกว่ากิโลกรัมละ 1,000 บาท ขึ้นกับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ทำให้แต่ละกลุ่มที่เข้าร่วม มีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีละ 1 แสนบาท และมีนวัตกรที่กระจายองค์ความรู้สู่ผู้ปลูกกาแฟกลุ่มอื่น ๆ จำนวน 20 ราย

สำหรับก้าวต่อไปในการยกระดับคุณภาพกาแฟโรบัสต้าจังหวัดชุมพร ของ มทร.กรุงเทพ คือ การจัดตั้งศูนย์กาแฟโรบัสต้าคุณภาพแบบครบวงจร เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและขับเคลื่อนกาแฟโรบัสต้าคุณภาพ ยกระดับจังหวัดชุมพรให้ก้าวสู่การเป็นมหานครโรบัสต้าระดับประเทศและระดับสากล  อย่างเป็นรูปธรรม

สำนักงานเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และโรบัสต้าเกรดเดอร์ (Robusta Grader  ผู้ทำหน้าที่ให้คะแนนกับเมล็ดกาแฟโรบัสต้า จะกำหนดราคาซื้อขายระหว่างผู้ผลิตกับพ่อค้าคนกลาง ทำหน้าที่นายสถานีนำพาเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการที่เป็นนวัตกรระดับ 1 และ 2 ให้ยกระดับขึ้นมาเป็นนายสถานีถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจต่อไป

“โครงการนี้ช่วยให้เกิดมาตรฐานกาแฟระดับสากลมาใช้ในการประกวด มีกรรมการเป็นนักประเมินกาแฟระดับประเทศมาร่วมจัดการประกวดเมล็ดกาแฟสาร (กาแฟเม็ดที่ยังไม่คัว) ในนาม Best of ชุมพร ทำให้ผู้ปลูกกาแฟคุณภาพของจังหวัดหลายรายได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น”  นางสาววนิดา ชุมคง  นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดกล่าว

ชุมพรเป็นแหล่งผลิตกาแฟโรบัสต้าที่สำคัญของประเทศ มีพื้นที่ปลูกกว่าห้าหมื่นไร่  ได้เมล็ดกาแฟปีละกว่า 5 พันตัน แต่ก็ยังยึดเป็นอาชีพหลักไม่ได้ เนื่องจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟยังไม่ได้มาตรฐาน สำหรับบรรจุถุงป้อนร้านกาแฟหรือผู้บริโภค ต้องขายให้กับโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปที่รับซื้อในราคาต่ำเฉลี่ยก.ก.ละ 70 บาท

 

#มหานครโรบัสต้า

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง