MOUยกระดับบริการท่องเที่ยวสุขภาพการแพทย์

ธุรกิจท่องเที่ยวด้านการแพทย์ สุขภาพ ร่วมMOU ยกระดับ สร้างเครือข่ายโรงพยาบาล โรงแรม สปา ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ บริษัททัวร์ เสริมจุดเด่น พร้อมบริการ second opinion ให้คนไข้ที่เจอหมอแนะนำแล้วไปต่อไม่ถูก เน้นโปรโมตแปลงเพศย่านอาเซียน

      บริษัทสหเวชกิจ(ประเทศไทย)จำกัด (Allied Health (Thailand Co.,Ltd.) ได้จัดเสวนาและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับพันธมิตรกลุ่มโรงพยาบาลและผู้ให้บริการด้านสุขภาพรวมถึงสมาคมด้านการท่องเที่ยว เพื่อขับเคลื่อนบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Wellness and Medical Tourism) ให้กับผู้รับบริการทั่วโลก จัดขึ้นที่โรงแรมอมารี กรุงเทพ เมื่อวันที่11พ.ค.67

พท.นพ.โชคชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ก่อตั้ง ซีโอโอ บ.สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า มีเป้าหมายยกระดับการเข้าถึงบริการ ด้านสุขภาพในประเทศไทยด้วยการนำเสนอบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และ มาตรฐานโดยทีม แพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ใช้จุดเด่นของประเทศในการเป็น Tourist Destination(จุดหมายทางการท่องเที่ยว) และ Medical Hub(ศูนย์กลางทางการแพทย์) อันดับต้น ๆ ของโลก ดึงผู้ป่วยต่างชาติเข้ามารับบริการในเมืองไทย

ซีโอโอ บ.สหเวชกิจกล่าวอีกว่าไทยได้รับการจัดอันดับต้นๆของโลกด้าน Medical Destination มีมาตรฐานทางด้าน Healthcare (การดูแลสุขภาพ) โดยเฉพาะมาตรฐานสากล JCI (Joint Commission International) จากสหรัฐอเมริกา มากที่สุดในเอเชีย ราคาค่าบริการที่สมเหตุสมผล มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์หลากหลายเช่น การทำศัลยกรรมความงามและการแปลงเพศ ด้านทันตกรรม ด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากและอื่น ๆ ผู้ ให้บริการมี Service & Hospitality Mentality (บริการและจิตใจของการต้อนรับ) ที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจ และมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ

“การยกระดับให้เมืองไทยเป็นผู้นำด้าน Medical Tourism (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์)ยิ่งขึ้น คือการสร้างเครือข่ายพันธมิตร ร่วมมือกันในการให้บริการด้านสุขภาพระหว่าง โรงพยาบาล โรงแรม สปา ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ บริษัททัวร์ ฯลฯ โดยประสานจุดเด่นของแต่ละที่ร่วมกัน หรืออัปเกรดเซอร์วิส ให้ผู้รับบริการได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยี Health Tech มาใช้เพิ่ม ประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้มากขึ้นในการสร้างภาพจำ ธุรกิจนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน ตามนโยบายของ รัฐบาลคือ Ignite Thailand(จุดประกายประเทศไทย) “พท.นพ.โชคชัยกล่าว

พท.นพ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ให้บริการทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเป้าหมายแรกเป็นนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศย่านอาเซียน กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม แต่ปรากฏว่า ลูกค้าครึ่งเป็นคนไทย อาจเป็นเพราะโรงพยาบาลเอกชนทุกรายเก่งเหมือนกันหมด ยากแก่การตัดสินใจของคนไข้ จึงมาปรึกษากับบริษัท การแนะนำก็โดยตรวจสอบมาตรฐานและความเชี่ยวชาญในสาขาที่ลูกค้าต้องการ พิจารณาสิ่งอำนวยความสะดวก ค่าใช้จ่าย ที่บุคคลทั่วไปอาจไม่ทราบ ช่วยให้คนไข้โดยเฉพาะคนไทยไม่เสียเวลา อีกประการ จะเป็นการให้บริการ second opinion หรือความเห็นที่สอง เนื่องจากคนไข้ที่ได้คำแนะนำการรักษาจากแพทย์แล้ว ไม่ทราบว่ามีทางเลือกอื่นหรือไม่ บริษัทจะให้ข้อเสนอทางเลือกภายใต้ข้อมูลที่มี แต่การรักษายังเป็นเรื่องของแพทย์   อย่างไรก็ตาม บริการที่เน้นการส่งเสริม เป็นเรื่องบริการการแปลงเพศ  ในกลุ่มอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่ขัดกับสภาพทางสังคมของประเทศนั้นๆ ด้วยค่าบริการที่สมเหตุสมผล และมีความปลอดภัย

การลงนามดังกล่าว เพื่อความร่วมมือการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการบริการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค (Wellness tourism) ความร่วมมือในการบริการ รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพครบวงจร (Medical tourism) โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ในประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จํากัด โทร (+66) 06-4141-6198 อีเมล info@alliedhealth.co.th หรือ เฟซบุ๊ก alliedhealththailand

กิจการที่ร่วมลงนามMOU กับบ.สหเวชกิจ(ประเทศไทย)จำกัด ในครั้งนี้ ได้แก่ บ.กรุงเทพดุสิตเวชการ จํากัด มหาชน (BDMS),บ.บีเอ็นเอช เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด, บ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บ.ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด, บ.โกลบอล เด็นทัล คอมเพล็กซ์ จำกัด, บ. เซนต์เมด จำกัด (มหาชน), บ.ปราณ ลีฟวิ่งจำกัด สมาคมส่งเสริมการ ท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินมาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทย พท.นพ.โชคชัยระบุประมาณปีละ 2 ล้านคน ข้อมูล Global Wellness Institute (GWI) ในปี 2020 จัดประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 15 ของโลก มูลค่าตลาด 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย เป็นคู่แข่ง