สมาคมนักข่าวฯ คว้าอันดับ 2 แข่งบาสฯ ชิงถ้วยนายกสภาทนายความครั้งที่ 1

วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

การดู : 94

สมาคมนักข่าวฯ คว้าอันดับ 2 แข่งบาสฯ ชิงถ้วยนายกสภาทนายความครั้งที่ 1

แชร์ :

สภาทนายความฯ จัดแข่งบาสเกตบอลชิงถ้วยนายกสภาทนายความ ครั้งที่ 1 สานสัมพันธ์หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและสื่อมวลชน ลดช่องว่างการทำงานระหว่างสื่อมวลชนกับหน่วยงานสำคัญในกระบวนการยุติธรรม ปลดล็อก การเข้าถึงข้อเท็จจริง รายงานข่าวสารประโยชน์สู่สังคม

เมื่อเช้าวันที่ 3 พ.ค. 2568 ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นประธานจัดกิจกรรมการแข่งขันบาสเกตบอลชิงถ้วยรางวัลสภาทนายความครั้งที่ 1 ที่สนามกีฬาบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อสร้างความสัมพันธ์สื่อมวลชนกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมผ่านการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล และยกระดับการทำงานของสื่อมวลชนให้เข้าถึงแหล่งข่าว สามารถรายงานข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์สู่สังคม โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมได้แก่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ศาลปกครอง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตัเงและสภาทนายความฯ ซึ่งการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก

ดร.วิเชียร กล่าวว่า บาสเกตบอลเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมที่ส่งเสริมการออกกำลังกาย และสร้างความสามัคคีในหมู่ผู้เล่น ด้วยเล็งเห็นถึงคุณค่านี้ ชมรมบาสเกตบอลสภาทนายความฯ จึงได้จัดกิจกรรมการแข่งขันบาสเกตบอลเพื่อสร้างมิตรภาพ สานสัมพันธ์ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมภายในหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมด้านกฎหมาย สื่อมวลชน และภาคส่วนอื่น ๆ และเปิดโอกาสให้บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐและสื่อสารมวลชนได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน จึงจัดให้มีการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลครั้งนี้ขึ้น และหวังว่ากิจกรรมกีฬาในการส่งเสริมสุขภาพ และเป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายภาคกฎหมายกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี

การแข่งขันครั้งนี้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ได้รับความร่วมมือจากสำนักต่างๆ ได้แก่ ไทยรัฐกรุ๊ป PPTV ช่องวัน ข่าวสด มติชน ท็อปนิวส์ อสมท. อปท.นิวส์ และได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แกรนด์สปอร์ต กรุ๊ป มอบชุดกีฬาและอุปกรณ์กีฬาและ บมจ. ซีพี ออลล์ ที่มอบอาหารและเครื่องดื่มสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ด้วย และผลการแข่งขัน ทีมชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลาง อันดับ 2 ได้แก่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และอันดับ 3 ได้แก่ทีมสภาทนายความ.

 

สมาคมนักข่าวฯ’ จัดงานวันเสรีภาพสื่อฯ ชี้สื่อไทยเสรี-สังคมอ่วมข่าวลวง

 

สมาคมนักข่าวฯ’จัดงานวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกปี 68 ‘อดีตนายกสมาคมนักข่าวฯ’ชี้ สื่อไทยมีเสรีภาพมาก ขณะที่ สังคมไทยอ่วม ‘ข่าวลือ’ไร้ข้อเท็จจริง นักข่าวต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ-ตระหนักรู้ ย้ำสื่อทุกประเภทต้องหาดุลยภาพระหว่างความอยู่รอดกับมาตรฐานคุณภาพ หวังสื่อไทยรายงานแบบบรูณาการมากยิ่งขึ้น มองภาพรวมเสนอทางออกของปัญหา มากกว่าเน้นความขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดงานวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกปี 2568 โดย น.ส. น.รินี เรืองหนู นายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวเปิดงานว่า วันที่ 3 พ.ค.ของทุกปีองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ได้ประกาศให้เป็นวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก เพื่อให้เราทุกคนได้ร่วมกันตระหนักและให้ความสำคัญกับการทำงานที่มีเสรีภาพซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหลักพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญของสังคมที่เปิดกว้างและดีขึ้นจากทำงานของพวกเรา สถานการณ์เสรีภาพในปัจจุบันยังเต็มไปด้วยความท้าทายต่อการทำงานของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงกดดันจากอำนาจต่างๆ ทั้งที่มองเห็นและไม่เห็น การถูกคุกคาม ข่าวปลอม ข่าวลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปการทำงานของสื่อ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเข้ามาของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามามีผลต่อแวดวงสื่อมวลชนอย่างไร เป็นสิ่งที่จะได้ร่วมกันหาคำตอบร่วมกันในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังและการทำหน้าที่ของพวกเราทุกคน

 

ขณะที่นายกวี จงกิจถาวร ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกปี 2568 ตอนหนึ่งว่า วันนี้เราจะพูดคุยกันเรื่องสื่อไทยในบริบทโลก ซึ่งองค์กรสื่อไร้พรมแดนจัดอันดับเสรีภาพสื่อไทยไว้ที่อันดับ 87 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ถือว่าไม่เลว และดีมากเป็นปีที่ดีที่สุดก็ว่าได้ ขณะที่ในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน ตนจัดอันดับโดยไม่ยึดถือของฝรั่ง ดัชนีสื่อเสรีในอาเซียนที่มีเสรีภาพมาก ๆ คือฟิลิปปินส์ มีเสรีภาพมากคือไทย อินโดนีเซีย มีเสรีภาพพอสมควรคือมาเลเซีย มีเสรีภาพน้อยคือสิงคโปร์ บูรไน มีเสรีภาพน้อยกว่าคือ เวียดนาม ลาว ซึ่งเสรีภาพตามความรู้สึกนึกคิดของแต่ละภูมิภาคต่างกัน นี่คือสภาพความเป็นจริง

 

นายกวี กล่าวต่อว่า นักข่าวเป็นอาชีพที่อันตรายที่สุด แต่ประเทศไทย นักข่าวเป็นอาชีพที่มีสิทธิพิเศษมากที่สุด ประเทศที่มีนักข่าวถูกสังหารมากที่สุด ตามข้อมูล RSF และ CPJ รวมกัน 1,180 คน ในช่วงปี 2005-2025 ได้แก่ อิรัก ซีเรีย เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ยังไม่นับฉนวนกาซ่าที่ตายไปแล้ว 211 คน ซึ่งตนจัดฟิลิปปินส์ให้เป็นสีแดง เพราะในบริบทโลก นักข่าวฟิลิปปินส์มีชื่อเสียงมาก เพราะในบางพื้นที่ทำข่าวสืบสวนพูดเสร็จ เปิดประตูออกมาถูกยิงตายทันที นี่คือภัยอันตรายของนักข่าวในฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเรา และมีเหตุการณ์สำคัญคือในปี 2005 เป็นประเทศเดียวที่มีการฆ่าหมู่นักข่าวคนเดียว 31 คน ซึ่งเป็นการไปทำข่าวเจ้าพ่อในเมืองหนึ่ง แล้วฝ่ายตรงข้ามจ้างมือปืนมากราดยิง ดังนั้นในบริบทโลกของไทยถือว่าโชคดีมาก นอกจากนั้นที่อันตรายมากคือเม็กซิโก บางคนอาจมองว่าฉนวนกาซาหรืออิรักที่อันตรายสำหรับนักข่าวแต่นั่นเป็นภาวะสงคราม แต่ประเทศที่อันตรายที่สุดในยามที่บ้านเมืองสงบที่สุดคือเม็กซิโกเพราะนักข่าวถูกฆาตกรรมจำนวนมากเป็นรายวัน โดยเฉพาะการทำข่าวยาเสพติด

 

นายกวี กล่าวอีกว่า สำหรับระบบของดัชนีนักข่าวกับระบบการลอยนวล ประเทศไทยมีชนักติดหลัง เพราะมี 5 กรณีที่ยังไม่ได้สะสาง คดียังอยู่ที่ศาล คือกรณีนักข่าวต่างประเทศ 2 คน นักข่าวญี่ปุ่น และอิตาลี ที่เสียชีวิตในไทยช่วงการชุมนุมปี 2553 และนักข่าวไทย 3 คน ที่มีคดีอยู่ในชั้นศาล ซึ่งจากกรณีที่มีเหตุนักข่าวถูกฆาตกรรมจำนวนมาก สมาชิกยูเอ็นทุกปีจึงต้องส่งรายงานคืบหน้าเกี่ยวกับทุกกรณีที่นักข่าวถูกฆาตกรรมถือเป็นพันธกิจ แต่ประเทศไทยปลอดภัยมาก ยกเว้นช่วงที่มีการปฏิวัติ สำหรับไทยตนเป็นคนเสนอรายงานในยูเนสโกเอง โดยทั้งโลกมีประมาณทั้งหมดกว่า 1,000 คดี เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีความคืบหน้า

 

นายกวี กล่าวว่า ส่วนกรณีคนไทยกับข่าวและข้อเท็จจริง ตนถูกถามว่าประเทศไทยมีข่าวปลอมหรือไม่ ตนมักจะบอกว่าไม่มี คนไทยมีแต่ข่าวลือ เพราะข่าวปลอมต้องมีโครงสร้างเป็นส่วนประกอบ แต่ไทยมีข่าวลือหรือเรื่องตอแหลเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุก 24 ชม. ก่อนจะหมดและหายไป แต่ในต่างประเทศเวลามีข่าวปลอมหรือข่าวโกหก โครงสร้างข่าวปลอมเขาเข้มข้น มีหน่วยงานที่สามารถรองรับข่าวปลอมได้ตลอด แต่ประเทศไทยไม่มีเรื่องนี้ ถูกจับได้ว่าตอแหลก็ต้องเปลี่ยนเรื่องแล้ว ดังนั้นประเทศไทยเราอยู่ในวัฒนธรรมที่เรียกว่าข่าวลือ ไม่ใช่ข่าวปลอม เพราะอาจมีการใส่สีตีไข่ ซึ่งเรามีรายการข่าวในชื่อลักษณะนี้ อีกหน่อยก็คงมีใส่ไข่ ใส่สี ในการรายงาน สมัยก่อนมีข่าวที่แบ่งแยกจากกันชัดเจน เขาเรียกว่า ข่าวบันเทิง ข่าวการเมือง ตอนนี้กลายเป็นว่าการเมืองบันเทิง หรือบันเทิงการเมือง หรือเถิดเถิงการเมือง คือตอนนี้มันสับสนไปหมดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ดังนั้นการรายงานข่าวมันจึงต้องมีความแม่นยำ

 

ประเด็นที่ผมอยากเน้นคือ คือประเทศไทยเป็นสังคมที่มีข้อมูลท่วมท้นเยอะเกินไป และไม่มีใครช่วยกรองข่าว แต่รับไว้หมดแล้ว ทำให้เกิดความสับสน จับต้นขนชนปลายไม่ถูก แล้วผสมผสานมโนข้อมูลกับข้อเท็จจริงเลยกลายเป็นความจริง ดังนั้นเราเป็นนักข่าวต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง นี่คือสิ่งที่นักข่าวเราจำเป็นต้องตระหนักรู้ และขอย้ำว่าข่าวแต่ละข่าวมีความต่อเนื่องกัน และเคยเกิดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมาก่อน จึงเป็นหน้าที่ของนักข่าวในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องมีการพิสูจน์ทราบ”

 

สำหรับอนาคตสื่อไทยสู่ระดับสากล คิดว่าสื่อไทยต้องสร้างมาตรฐานสากลในการรายงานข่าวทั้งในและนอกประเทศ สื่อไทยทุกประเภทจำเป็นต้องหาดุลยภาพระหว่างความอยู่รอดกับมาตรฐานคุณภาพ ทุกสื่อทุกแพลตฟอร์มต้องมีเครื่องมือเรียกความน่าเชื่อถือกลับมาให้ได้โดยเร็ว ส่วนคุณสมบัตินักข่าวยุค AI ซึ่งนักข่าวต้องปฏิบัติรวมทั้งตนด้วย คือ ก่อนอื่นจะต้องซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนอ่าน แสวงหาข้อเท็จจริงทุกรูปแบบ สามารถอ้างอิงข้อเท็จจริงที่เคยรายงานและกล้าแก้ไข ทำข่าวเชิงข้อมูล (Data journalism) ใช้ AI ช่วยรายงานข่าวที่เป็นประโยชน์ แต่อย่าให้ AI สิงร่างเราซึ่งเป็นเรืองที่อันตรายมาก

 

ต้องมีการรายงานข่าวที่เสนอทางออกไม่เน้นเฉพาะแต่ความขัดแย้ง รู้เรื่องปรัชญาชาวบ้านรวมทั้งการตลาด และการเมืองประชานิยม ศึกษารากเหง้าประวัติศาสตร์ไทยและภูมิรัฐศาสตร์เพื่อนบ้าน และโลก รู้สึกกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกต่างๆ ตลอดจนเข้าใจประเด็นข้ามประเทศ ห่วงโซ่อุปทาน ภาษีตอบโต้ คาร์บอนเทรดดิ้ง เซมิคอนดักเตอร์ สงครามข่าวสาร บทบาทยูเอ็นและองค์กรระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน การก่อการร้าย การสูญเสียพืชพันธุ์และบรรยากาศ หลักการค้าเสรี เป็นต้น พูดง่ายๆ คือรู้ประเด็นร้อนทั่วไปและเจาะลึกบางเรื่อง หวังว่าพี่ๆ น้องๆ จะรายงานข่าวแบบบูรณาการมากยิ่งขึ้น”นายกวีกล่าว

ข่าวอัพเดท

นวัตกรชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนไทยด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม

นวัตกรชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนไทยด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม

วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สวทช. โชว์แพลตฟอร์ม LEAD EducationสอนAIได้ผล

สวทช. โชว์แพลตฟอร์ม LEAD EducationสอนAIได้ผล

วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

มรภ.อุตรดิตถ์ ดันข้อต่อใหม่ บ.มะขามสามเกลอสู่ตลาดมูลค่าสูง

มรภ.อุตรดิตถ์ ดันข้อต่อใหม่ บ.มะขามสามเกลอสู่ตลาดมูลค่าสูง

วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เซ็นทรัล หาดใหญ่ จัดงาน “Hatyai Pride for All” ฉลองเดือนแห่งความเท่าเทียม เปิดโอกาสให้ทุกเพศสภาพแสดงออกได้อย่างอิสระ

เซ็นทรัล หาดใหญ่ จัดงาน “Hatyai Pride for All” ฉลองเดือนแห่งความเท่าเทียม เปิดโอกาสให้ทุกเพศสภาพแสดงออกได้อย่างอิสระ

วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐฯ นำ 200 คน เยือนแผ่นดินแม่

โครงการเยาวชนไทยในสหรัฐฯ นำ 200 คน เยือนแผ่นดินแม่

วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ฝนหนักน่าน เชียงรายอ่วม ปภ. Cell Broadcastเตือน

ฝนหนักน่าน เชียงรายอ่วม ปภ. Cell Broadcastเตือน

วันเสาร์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568

DPU เปิดเคล็ดลับธุรกิจอาหารรอดได้รวยให้เป็น

DPU เปิดเคล็ดลับธุรกิจอาหารรอดได้รวยให้เป็น

วันพฤหัส ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ข่าวที่เกี่ยวข้อง