งบวิจัยไทยขยายตัวลดลง 16.5%
วันพฤหัส ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
การดู : 116

แชร์ :
แจงค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของไทย ปี 67 ขยายตัวลดลง 16.5% อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ภาคการผลิต ค้าส่ง ค้าปลีก ลดวูบกว่า 30%แต่ภาครัฐเพิ่มค่าใช้จ่าย1.6 % แต่เทียบสัดส่วนเอกชน 67:33 วช. ยังเสียงแข็งใช้นวัตกรรมสร้างการเติบโตประเทศ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานแถลงข่าวการสำรวจข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย ปี 2567 ณ ศูนย์สารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อาคาร วช. 8 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 68 โดยระบุว่า ปี 2567ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนารวม 168,106 ล้านบาท อัตราเติบโตลดลงร้อยละ 16.5 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาภาคเอกชน 112,126 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23.4 ภาคอื่น ๆ (ภาครัฐบาล อุดมศึกษา รัฐวิสาหกิจ และเอกชนไม่ค้ากำไร) มีค่าใช้จ่าย 55,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 คิดเป็นสัดส่วนภาคเอกชนต่อภาคอื่นๆ ร้อยละ 67 : 33
ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา 54,487 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 30) ภาคอุตสาหกรรมค้าส่ง/ค้าปลีก 20,665 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 37) ภาคอุตสาหกรรมบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มูลค่า 36,973 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ) การที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตมีค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาสูงกว่าอุตสาหกรรมบริการและอุตสาหกรรมค้าส่งค้าปลีก ทำให้การใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาภาคเอกชนโดยรวมลดลง
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา สัดส่วนสูงสุด ร้อยละ 94 (105,617.95 ล้านบาท) อุตสาหกรรมขนาดกลาง ร้อยละ 5 (5,624.88 ล้านบาท) อุตสาหกรรมขนาดย่อม ร้อยละ 1 (882.72 ล้านบาท) โดยการใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาในภาพรวมอุตสาหกรรมลดลงเช่นกัน การสำรวจยังพบว่า สาเหตุที่ภาคเอกชนลดค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา มีดังนี้
(1) จำเป็นต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อลดต้นทุน
(2) ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
(3) ปีที่ผ่านมาบางบริษัทลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาด้านครุภัณฑ์ และห้องปฏิบัติการทดลอง ทำให้มีการลงทุนลดลง
การวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า แนวโน้มการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสาขาอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และสมุนไพรไทยเพื่อป้องกันโรค อาทิ โควิด-19 รวมถึงการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตรเพื่อการพึ่งพาตนเองด้านการแพทย์
สำหรับบุคลากรวิจัยและพัฒนา (R&D) แม้จะได้รับผลกระทบไม่มาก แต่มีแนวโน้มผันผวนตามธรรมชาติ เช่น การเกษียณและนักวิจัยใหม่เข้ามาทดแทน ในปีสำรวจล่าสุด มีบุคลากร R&D รายหัว 220,629 คน ลดลง (9%) บุคลากร R&D (แบบ FTE) 150,081 คน-ปี ลดลง 9% จำแนกเป็นนักวิจัย 114,169 คน-ปี (76%) ผู้ช่วยนักวิจัย 22,971 คน-ปี (15%) และผู้สนับสนุนงานวิจัย 12,941 คน-ปี (9%) คิดเป็นสัดส่วน 23 คน-ปีต่อประชากร 10,000 คน ในจำนวนนี้อยู่ในภาคเอกชน 68% และภาคอื่น ๆ 32%
สำหรับการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนในปัจจุบันจะลดลง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่สถานการณ์ปัจจุบัน แนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้น หากเศรษฐกิจของประเทศ กลับมาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ประกอบกับนโยบายของ กระทรวง อว. ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย ส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและพัฒนาไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ข่าวอัพเดท

เผยผลชันสูตรซากวาฬคูเวียร์เกยตื้น จ.ระนอง
วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

โชว์ต้นแบบฟาร์มไข่ผำพรีเมียมด้วยเทคโนโลยี IoT
วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

“ครัวคุณต๋อยยกทัพ บุก เซ็นทรัล หาดใหญ่” เสิร์ฟ 70 ร้านหรอยแร๊งง…คัดสรรมือโปรพร้อมโชว์ฝีมืออร่อย!
วันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

อว.ระดมสารพัดไฮเทคลุ้นรับมือพิบัติน้ำท่วม
วันจันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
