5-7ต.ค.อีสาน-เจอฝนอีกระลอก ภาคกลางตอนล่างยังไหว

เครือข่ายวิจัยสภาพอากาศคาดการณ์สถานการณ์น้ำภาคกลาง  อุตุฯคาด 5-7 ต.ค. ฝนเพิ่มภาคอีสานตอนบน ภาคกลางตอนบน แจงพายุที่มาก่อนหน้านี้ทำให้แหล่งกักเก็บมีน้ำกว่า 80% จำต้องระบายออก แต่ยังควบคุมได้ ภาคกลางตอนล่างยังรับไหว ขณะที่ลุ่มน้ำยม น้ำเต็มทุ่งแล้ว

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับเครือข่ายวิจัย ประกอบด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวแนวโน้มสถานการณ์อากาศและน้ำท่วมในภาคกลาง วิจัยนวัตกรรมมี ณ ศูนย์ข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ วช. เมื่อวันที่ 28 ก.ย.68

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า พายุโซนร้อนบัวลอย ทำให้เกิดฝนตกหนักทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อภาคกลาง วช. นำชุดความรู้จากแผนงานวิจัยน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง โดย รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ พร้อมด้วยทีมวิจัย นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และข้อมูลเชิงพื้นที่ สนับสนุนหน่วยงานในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวัง วางแผน และรับมือได้อย่างทันท่วงที

ดร.ชลัมภ์ อุ่นอารีย์ จากกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า คาดว่าจะมีพายุใหม่ก่อตัวช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. อาจเพิ่มปริมาณฝนในภาคอีสานตอนบน และภาคกลางตอนบน ในภาวะลานีญาต่อกับช่วงปกติทำให้พายุเกิดได้ง่าย เคลื่อนตัวเร็วแต่กำลังไม่แรง ทั้งนี้หลังจากพายุบัวลอยอ่อนกำลัง ขึ้นฝั่งที่เวียดนาม จากนั้นจะเคลื่อนตัวไปทางประเทศจีนตอนใต้

ผศ.ดร.ไชยาพงษ์ เทพประสิทธิ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าพายุก่อนหน้าทำให้ปริมาณน้ำกักเก็บ และน้ำในลำน้ำมีปริมาณมากกว่าร้อยละ 80 จึงจำต้องเพิ่มการระบายน้ำ แต่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากน้ำไหลเข้ายังควบคุมได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะอยู่ในพื้นที่ต่ำ และนอกคันกั้นน้ำ ช่วงนี้น้ำทะเลยังไม่หนุนสูง จึงจัดการได้

รศ. ดร.บัญชา ขวัญยืน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือลุ่มน้ำยม ทุ่งรับน้ำเต็มแล้วจากพายุลูกก่อนหน้า ภาคกลางตอนล่างยังมีศักยภาพในการรับน้ำ เนื่องจากยังไม่ได้ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ โดยทุกหน่วยงานเตรียมการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ต้นฤดูจะระบายให้เร็วที่สุด เป็นผลจากคาดการณ์ล่วงหน้า มีเกณฑ์การจัดการน้ำที่ชัดเจนตาม พ.ร.บ.การบริหารจัดการน้ำ

#บัวลอย