มสธ.ปรับใหญ่เรียนสอนสอบออนไลน์-AIผลิตเนื้อหา

มสธ.เสวนาวิชาการ เปิดแผนปรับครั้งใหญ่ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในระบบการเรียน การสอน การสอบ ปัญญาประดิษฐ์ผลิตเนื้อหา พัฒนาเทคนิคตรวจจับใบหน้าป้องกันตุกติกตอนทำข้อสอบ พงศ์สุข แบไต๋ เตือน AI ทำให้การคิดวิเคราะห์ไม่พัฒนา

         มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) จ.นนทบุรี จัดเสวนาวิชาการพลิกโฉมการศึกษาไทย เทคโนโลยี โอกาส และอนาคตแห่งการเรียนรู้ ที่อาคารพิทยพัฒน์ ภายในมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 พย. 67

ผศ.ดร.พนมพัทธ์ สมิตานนท์ กรรมการสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า มสธ. ปรับตัวครั้งใหญ่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความท้าทาย พัฒนาระบบการศึกษาให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล ขยายโอกาสการเรียนรู้สำหรับทุกคน  ปรับระบบการเรียนการสอนจากเดิมใช้เอกสาร วิดีโอ รายการโทรทัศน์ เป็นออนไลน์เต็มรูปแบบ แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Moodle (Modular Object-Oriented Dynamic Learning Environment= ซอฟต์แวร์จัดการระบบการศึกษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์)และระบบ e-Learning สำหรับการศึกษายุคใหม่ นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Generative AI สร้างเนื้อหาการเรียนการสอน เพิ่มความหลากหลาย ขยายโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน มสธ. โดยช่วงโควิด-19 มสธ. นำระบบการจัดสอบออนไลน์มาใช้  และได้พัฒนาเทคโนโลยี Face Recognition (รู้จำใบหน้า) ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เข้าสอบ เพิ่มความโปร่งใสเชื่อถือได้ในกระบวนการสอบ ซึ่งมีปัญหาช่วงแรกในการใช้งาน แต่ปัจจุบันได้พัฒนารองรับการจัดสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“มสธ. มุ่งมั่นสร้างสรรค์การศึกษาที่เท่าเทียม ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล พร้อมเป็นผู้นำการพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดทั่วทุกมุมโลก มุ่งขยายโอกาสการศึกษากับทุกคน ไม่จำกัดสถานที่หรือเวลา เพิ่มหลักสูตรระยะสั้น เน้นการพัฒนาทักษะ Upskill และ Reskill รองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต “ผศ.ดร.พนมพัทธ์กล่าว

ในการเสวนาเดียวกัน นายพงค์สุข หิรัญพฤกษ์ เจ้าของเว็บไซต์ beartai กล่าวว่า แม้ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซับซ้อนในกระบวนการ แต่การใช้งานที่ขาดสมดุลอาจมีผลกระทบเชิงลบระยะยาว การพึ่งพา AI มากเกินไป อาจทำให้เสียโอกาสการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้พื้นฐานยังเป็นสิ่งสำคัญ สถาบันการศึกษาควรใช้ AI อย่างสมดุล ให้นักเรียนใช้เทคโนโลยีควบคู่การพัฒนาทักษะที่จำเป็น ปัจจุบัน AI ช่วยให้ทุกคนสร้างคอนเทนต์ แต่งภาพ หรือออกแบบผลงานได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดเพิ่มสูงขึ้น  การใช้งานข้อมูลเหล่านี้ก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะข้อมูลอ่อนไหว เช่น เกรดนักศึกษา หรือข้อมูลส่วนตัว ประเทศไทยควรมีศูนย์ข้อมูล (Data Center) ภายในประเทศ เพื่อควบคุมการจัดเก็บและการใช้ข้อมูลให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย สนับสนุนการพัฒนา AI ให้เหมาะสมกับภาษาและวัฒนธรรมไทย

นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ ศิษย์เก่า มสธ. นักศึกษาปริญญาเอกสาขานิเทศศาสตร์ กล่าวว่า มสธ. เป็นมหาวิทยาลัยแรกในไทยที่เป็นผู้นำด้านการเรียนการสอนทางไกล การเปลี่ยนรูปแบบตำราเป็นดิจิทัล การสอบออนไลน์ การเรียนรู้แบบ Smart Learning ส่วนการใช้ AI แม้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ยังขาดจริยธรรม จรรยาบรรณ และจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมนุษย์ สิ่งที่ AI ทำไม่ได้คือการสร้างศีลธรรม ความเมตตา มนุษย์ต้องฝึกฝนและพัฒนาเอง

นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผอ.กองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าววาระเดียวกันว่า มหาวิทยาลัยไทยจะต้องปรับตัวเพื่อสร้างบุคลากรสอดคล้องตามความต้องการของประเทศและโลก ผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สร้างความสมดุลระหว่างความเชี่ยวชาญเชิงวิชาการและทักษะปฏิบัติที่ใช้ได้