โชว์ต้นแบบฟาร์มไข่ผำพรีเมียมด้วยเทคโนโลยี IoT

วันเสาร์ ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

การดู : 29

โชว์ต้นแบบฟาร์มไข่ผำพรีเมียมด้วยเทคโนโลยี IoT

แชร์ :

สวทช.ระดมหน่วยงานไฮเทค สร้างองค์ความรู้ พัฒนาต้นแบบฟาร์ม ไข่ผำ พรีเมียม รับอุตสาหกรรมอาหารอนาคต เป็นทางเลือกของวงการเลี้ยงกุ้งซึ่งเผชิญปัญหามากมาย

 

ดร.เกรียงไกร โมสาลียานนท์ หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร ไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  เปิดเผยว่า ไบโอเทค สวทช. ได้นำองค์ความรู้เชิงลึกทางด้านสรีรวิทยาพืชและความต้องการปัจจัยแวดล้อมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต สนับสนุนการพัฒนาไข่ผำ พืชน้ำพื้นบ้านร่วมกับเนคเทค สวทช. ครอบคลุมทั้งด้านแสงสว่าง อุณหภูมิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสูตรปุ๋ยธาตุอาหารที่แม่นยำ

ไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านพบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีโปรตีนและคุณค่าทางอาหารสูง การผลิตไข่ผำแบบดั้งเดิมให้ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ ปนเปื้อน ขาดมาตรฐาน ไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตและอาหารเฉพาะบุคคล Functional Food งานวิจัยซึ่งจะขยายสู่ชุมชน จะสร้างมาตรฐานการผลิตผำที่แตกต่างจากผำทั่วไปในท้องตลาด เพื่อแบ่งเกรดและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์

ดร.ศุภนิจ พรธีระภัทร นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช. กล่าวว่า เนคเทค นำองค์ความรู้ด้านความต้องการของพืชจากไบโอเทค พิจารณากับข้อมูลการตรวจวัดจาก HandySense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ เพื่อให้ได้สูตรการผลิตเฉพาะ (Growth Recipe) สำหรับการเพาะเลี้ยงไข่ผำแต่ละรอบการผลิต โดยประมาณผลผลิต ปริมาณโปรตีน และปรับปรุงกระบวนการผลิตได้ตามเป้าหมาย จากการติดตามการตรวจวัดสภาพอากาศและสภาพน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา จึงจัดการกระบวนการเพาะเลี้ยงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปตลอดช่วงปี เก็บเกี่ยวไข่ผำได้ทุก ๆ 7 วัน ได้ปริมาณและโปรตีนประมาณ 40% ต่อ 100 กรัมไข่ผำแห้ง

นายนริชพันธ์ เป็นผลดี หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีเกษตรดิจิทัล เนคเทค สวทช.  กล่าวว่า HandySense ที่ติดตั้ง ณ Pro-T Farm ประกอบด้วยชุดเซนเซอร์ตรวจวัดสภาพน้ำและสภาวะอากาศที่เหมาะสมแบบเรียลไทม์ โดยวัดค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) ค่าอุณหภูมิอากาศ ค่าความชื้น   ค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ค่าความเข้มข้นของปุ๋ย (EC) ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่เหมาะสมระหว่าง 5 – 6.5 ค่าอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมอยู่ที่ 25-30 องศาเซลเซียส และค่าความเข้มแสง 200 ไมโครโมลต่อวินาทีต่อตารางเซนติเมตร โดยได้กำหนดค่าต่าง ๆ  พร้อมระบบควบคุมที่สอดคล้องตามสูตรการผลิตเฉพาะ ต้องตรวจสอบและควบคุมอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชมีประสิทธิภาพ เกษตรกรเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกด้วยสมาร์ตโฟน ที่ใช้งานและเข้าใจง่าย   รับทราบสถานการณ์และปรับปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้ทันท่วงที เช่น เมื่อเกษตรกรรับทราบข้อมูลจาก HandySense ว่าแสงในระหว่างวัน น้อยกว่าค่าที่เหมาะสม อาจพิจารณาใช้แสง LED เปิดเสริมช่วงกลางคืนได้ หากน้ำน้อยไปจนอุณหภูมิสูง ก็เพิ่มน้ำเข้าไปในบ่อ ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม    

ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ทีเมค)ได้พัฒนาเครื่องมือตรวจวัดปริมาณไนเตรท (Nitrate Meter) ในผลผลิตไข่ผำจากฟาร์มวิจัย เพื่อให้ทราบว่าควรบริโภคผักผลไม้หรือแหล่งอาหารที่มีไนเตรทได้เท่าไรต่อวันจึงเหมาะสมตามมาตรฐาน CODEX (โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ) เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในการบริโภคอาหารแบบปลอดภัยต่อสุขภาพ

ดร.ศุภนิจ กล่าวอีกว่า นอกจากพัฒนาระบบการตรวจวัดและติดตามแบบเรียลไทม์ ควบคุมตัวแปรในกระบวนการผลิต ยังร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา พัฒนากระบวนการหลังการเก็บเกี่ยว (Post-Harvest) เช่น ระบบการล้างฆ่าเชื้อ ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีที่อาจลอยมากับอากาศเข้ามาในโรงเรือน หรือจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารในมนุษย์ กระบวนการเพิ่มความสดให้กับทุกเม็ดไข่ผำหลังการเก็บเกี่ยว โดยนำเทคโนโลยีนาโนบับเบิลและโอโซนมาประยุกต์ใช้ในการทำความสะอาดไข่ผำ ให้ได้ผลผลิตปลอดเชื้อ ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว ยืดอายุการเก็บรักษาได้นานกว่าทั่วไป ฟาร์มต้นแบบการผลิตไข่ผำปลอดเชื้อโปรตีนสูง มีกระบวนการฟรีซดราย (Freeze Dry) ทำไข่ผำแห้งที่ไม่สูญเสียค่าโปรตีน มีกลิ่นหอม สีสวย เหมาะกับการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสูง เก็บรักษาได้นานเป็นปี เทคนิคดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่เนคเทคพัฒนาขึ้น และมีความพร้อมในการถ่ายทอดเทคโนโลยี

การวิจัยนี้ อยู่ระหว่างจัดเก็บข้อมูล สร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI Model)  โดย AI จะมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่ซับซ้อน ช่วยปรับปรุงสูตรการผลิตให้แม่นยำยิ่งขึ้น การพยากรณ์ปริมาณและคุณภาพผลผลิต AI ที่จะได้จากต้นแบบ ยังพัฒนาสร้างระบบการจัดการฟาร์มแบบอัตโนมัติในอนาคตสำหรับพืชอื่น ๆ ต่อไปได้อีกด้วย

ดร.ศุภนิจ กล่าวด้วยว่า หัวใจของการเลี้ยงไข่ผำคือ ความปลอดภัยและวิธีตรวจวัด การควบคุมต่าง ๆ ให้ได้องค์ความรู้ สร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องแก่ประชาชนที่จะผลิตไข่ผำและบริโภคไข่ผำเป็นอาหาร ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้ปริมาณโปรตีนที่กำหนด ตรวจสอบได้ มั่นใจว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค ตั้งแต่ไข่ผำสดจนกระทั่งการแปรรูปต่าง ๆ

ดร.ศุภนิจ กล่าวย้ำว่าไข่ผำยังไม่มีมาตรฐานเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ การสร้างมาตรฐานไข่ผำพรีเมียมจึงช่วยให้แบ่งเกรด กำหนดราคาได้อย่างชัดเจน การผลิตไข่ผำภายใต้ความร่วมมือฯ ดังกล่าว ผ่านมาตรฐาน COA, GMP และ Halal เรียบร้อยแล้ว ผ่านการทดสอบการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย และจุลินทรีย์ก่อโรค

นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวว่าอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งเผชิญกับความท้าทายหลายมิติ สมาคมฯ จึงหาทางสร้างรายได้แก่เกษตรกร การเพาะเลี้ยงไข่ผำแบบพรีเมียมด้วยเทคโนโลยีที่ สวทช.พัฒนาขึ้น เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ช่วยให้เกษตรกรเลี้ยงผำได้ดีขึ้น พร้อมกับการสร้างมาตรฐานใหม่ในการเลี้ยงและการขายไข่ผำพรีเมียม ทำให้แบ่งเกรดได้ ระบบนี้ ทำให้ได้ผำที่สะอาด ปลอดภัย มีสารอาหารที่ควบคุมได้

นายบรรจง กล่าวด้วยว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว มีพื้นฐานการจัดการฟาร์มถือเป็นข้อได้เปรียบ การปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงไข่ผำจึงไม่ยาก ปรับใช้อุปกรณ์และบ่อเพาะเลี้ยงที่มีอยู่เดิมจากฟาร์มกุ้งได้ ไม่ต้องลงทุนสร้างใหม่ บ่อเหล่านี้มีระบบจัดการน้ำที่ดี  จึงมีแผนจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ ให้เกษตรกรที่สนใจมาเรียนรู้ ปรับใช้กับทรัพยากรที่มี สำหรับ Pro-t ฟาร์ม เป็นฟาร์มต้นแบบ ภายใต้ความร่วมมือวิจัย ปัจจุบัน มีพื้นที่บ่อไข่ผำ 75 บ่อ ผลิตไข่ผำสดได้น้ำหนัก 2 ตันต่อเดือน จำหน่ายในรกิโลกรัมละ 100 บาท สร้างรายได้ถึง 200,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันกำลังหาช่องทางตลาดขายไข่ผำ หากมีผู้สนใจรับซื้อสามารถติดต่อได้ที่ นายบรรจง (หมายเลขโทรศัพท์ 081 636 6362 ) 

ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) นำคณะสื่อมวลชน ชมต้นแบบการเพาะเลี้ยง “ไข่ผำ” พืชน้ำโปรตีนสูง สู่การผลิตผำพรีเมียม”ด้วยเทคโนโลยีเกษตรแม่นยำ ระบบการจัดการฟาร์มแบบครบวงจร ซึ่งเป็นความร่วมมืองานวิจัยเพื่อขยายผลสู่ชุมชนพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม  Pro-t Farm อ.พานทอง จ.ชลบุรี

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง